มันมากับฝนและน้ำท่วม

rain1.gif (3785 bytes)ผศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร

ฝนตกหนักเช่นนี้ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมอย่างรุนแรงในหลายภูมิภาคของบ้านเรา ดังที่ท่านผู้อ่านทั้งหลาย ทราบกันดีอยู่แล้ว ซึ่งบางท่านก็กำลังประสบเหตุอยู่ด้วยตนเอง ผมก็ขอเอาใจช่วยนะครับ

ปัญหาอย่างหนึ่งที่เกี่ยวพันกับสัตว์เลี้ยงของท่านเมื่อยามฝนตก น้ำมาเช่นนี้คือ ภัยจากสัตว์ต่างๆ ที่หนีฝน หนีน้ำ มาพึ่งชายคาบ้านเรือนของท่าน เช่น คางคก ตะขาบ แมงป่อง งู ฯลฯ ล้วนเป็นพิษภัยต่อสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หมา” ที่มักจะเจ็บตัวเพราะความอยากรู้ อยากลองอยู่บ่อยครั้ง

ฉะนั้นถ้าท่านรู้ฤทธิ์ รู้พิษ รู้รักษา และรู้ป้องกันไว้บ้างก็จะบรรเทาทุกข์จากหนักให้เป็นเบา เจ้าบ๊อกๆ อันเป็นที่รักจะได้ปลอดภัยนะครับ

ตะขาบ

เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง มีเกราะหรือเปลือกหุ้มตัวเป็นปล้องๆ ตัวแบนมีขามากมาย อาวุธสำคัญของมัน คือเขี้ยว 1 คู่ ที่มีพิษรุนแรงทำให้เจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัส หมาจะถูกตะขาบกัดโดยอุบัติเหตุ เช่น พลาดไปเหยียบแต่ก็ไม่มากเท่าความซนโดยการใช้จมูกหรือปากดม จึงถูกกัดบริเวณจมูกหรือปาก ยังผลให้บริเวณที่ถูกกัดบวมอย่างรวดเร็วและมีความเจ็บปวดมาก ร้องลั่นไปสามบ้านแปดบ้าน ท่านเจ้าของ จะเห็นรอยเขี้ยวเป็นรู 2 รู ดูราวกับถูกงูพิษกัด

วิธีปฐมพยาบาลโดยการทำความสะอาดแผล แล้วรีบพาไปพบหมอหมาทันที เพื่อการรักษาพยาบาลที่ถูกต้องทันการ เช่นให้ยาแก้ปวด ลดอักเสบ แก้แพ้ และป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน

เนื่องจากตะขาบตัวแบนมันจักซอกแซกผ่านเข้าบ้านตามร่องกระดานหรือร่องใต้บานประตูอย่างง่ายดาย ฉะนั้นจึงต้องปิดจุดอ่อนเหล่านี้พร้อมกับรื้อตรวจ ค้นสัมภาระต่างๆ อันเป็นที่ตะขาบชอบซุ่มซ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใต้ตุ่มหรืออ่างเพราะมีช่องว่างแบนๆ และมีอากาศเย็นชุ่มชื้น จงรีบตรวจดูและกำจัดเสียก่อนถูกกัด

แมงป่อง

เป็นสัตว์ในตระกูลแมงมีแปดขา ก้ามใหญ่ 1 คู่ อาวุธเป็นเหล็กไน หรือเข็มพิษอยู่ที่ปลายหาง แมงป่องที่เป็นภัยน่ากลัวของบ้านเราคือ “แมงป่องช้าง”

หมาส่วนใหญ่จะถูกแมงป่องต่อยบริเวณขาหรือตีนคู่หน้า เนื่องจากการใช้เขี่ยสำรวจ หรือเหยียบ ผลของการต่อยทำให้ตีนตลอดจนบวมทั้งขาและเจ็บปวดมาก บางตัวมีอาการแพ้พิษร่วมด้วย ถึงกับช๊อคไปก็มี ฉะนั้นหากพบกรณีแมงป่องต่อยให้รีบนำส่งหมอหมาโดยด่วน ปัจจุบันใน กทม.แทบจะหาดูแมงป่องก็จะเป็นไปไม่ได้แล้ว

คางคก

เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่จุ้นจ้านมากมายไปได้ทุกแห่งหน ด้วยการกระโดดบนดินและว่ายในน้ำอย่างคล่องแคล่ว จึงเป็นที่หมายตาของเจ้าหมาบ๊อกๆ เห็นทีไรเป็นไล่งับทุกที ผลก็คือ หน้าตา ปากคอบวมอลึ่งฉึ่ง เนื่องจากสารพิษเป็นของเหลวสีขาวคล้ายยางหลั่งจากต่อมใต้ผิวหนัง เมื่อสัมผัสกับเยื่อชุ่มอ่อนๆ ในปากเช่นเหงือก ก็จะทำให้เกิดการแพ้ อักเสบ บวม แดง และเจ็บปวด ร้องเอ๋งๆๆ ลั่นบ้าน เจ้าของสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยการใช้น้ำสะอาดล้างเอายางคางคกออกจากบริเวณที่สัมผัสให้หมด แล้วปลอบประโลมให้หมาสงบลง หากการบวมนั้นมีเพียงเล็กน้อยที่ริมฝีปากหรือใบหน้า ลองใช้ยาแก้แพ้ให้กินอาจช่วยได้ แต่ถ้าเกิดบวมมากบริเวณลำคอละก็ควรจะรีบพาไปพบหมอหมา เพราะการบวมจะไปกดทับหลอดลมทำให้หมาหายใจไม่สะดวกอาจถึงกับเสียชีวิต

วิธีการป้องกันทำได้โดยผูกล่ามหรือขังหมาไว้ ตลอดจนเก็บหรือไล่เจ้าคางคก อย่าให้เข้ามาใกล้เคียงบริเวณที่เลี้ยงหมา อาจฝึกสอนหมาให้รู้จักคางคก ด้วยการลงโทษทุกครั้งที่หมาเข้าใกล้ หรือพยายามไล่งับจับเล่นคางคก ซึ่งในการนี้ต้องใช้เวลาและความอดทนฝึกฝน แต่ก็จะเป็นการเรียนรู้อย่างถาวรตลอดไป

งู snake5.gif (5437 bytes)

งูส่วนใหญ่ที่หนีน้ำมาและมักพบเห็นบ่อยครั้งคือ งูเหลือม และงูหลาม ซึ่งเป็นงูไม่มีพิษ ทั้งคู่ล้วนสามารถว่ายน้ำได้เป็นอย่างดี เมื่อเข้ามาหลบซ่อนตัวในบ้านมักชอบอยู่บนที่สูง เช่น ขื่อ เพดาน หลังตู้ หรือยอดไม้ หมาเป็นเหยื่ออันโอชะของงู มันจะจับเหยื่อโดยการโอบรัดจนกระดูกกระเดี้ยวของเหยื่อหัก แหลก ขนาดและรูปร่างจึงพอเหมาะที่ปากซึ่งสามารถอ้าขยายออกกว้างมากแล้วกลืนกินเข้าไป ซึ่งถ้าหากท่านเจ้าของไปพบเจ้าบ๊อกกำลังถูกรัดจนเล่ะเช่นนี้แล้วคงยากแก่การช่วยเหลือแก้ไขละครับ

ส่วนงูพิษนั้นเท่าที่อาจพบได้ว่าหนีน้ำ หนีฝนมามักจะเป็น “งูเห่า” เสียเป็นส่วนมาก งูเห่าชอบไปขดอยู่ในที่มืดและอบอุ่น ตามซอก หลืบ มุม โพรง ที่มีขนาดค่อนข้างพอดี เพราะงูจะรู้สึกปลอดภัยกว่านอนในที่โล่งโจ้ง

หมาที่ถูกงูเห่าหรืองูพิษอื่นใดกัดจะเห็นได้ชัดจากบาดแผลว่ามีรอยเขี้ยวบนและเขี้ยวล่างรวมทั้งสิ้น 4 รู วิธีปฐมพยาบาลหมาถูกงูพิษกัด ขั้นแรกต้องใช้ผ้าหรือเชือกขันชะเนาะตรงบริเวณเหนือแผลราว1นิ้ว เพื่อป้องกันพิษงูเข้าสู่กระแสโลหิต แพร่เข้าไปสู่หัวใจและส่วนอื่นๆ ของร่างกาย จากนั้นให้รีบนำส่งหมอหมาโดยด่วนเพื่อรับเซรุ่มแก้พิษงู หรือการรักษาอื่นๆ เพื่อช่วยชีวิตต่อไป อย่าลืมหากเป็นไปได้ให้นำซากงูที่พบไปด้วยเพื่อการระบุว่าเป็นงูชนิดใด หมอจักได้ให้เซรุ่มแก้พิษงูที่มีความจำเพาะต่อชนิดงูนั้นๆ ซึ่งให้ผลในการรักษาดีกว่า โอกาสรอดชีวิตของเจ้าบ๊อกมาอยู่กับท่านต่อไปจึงสูงขึ้น

หวังว่าฝนมา น้ำท่วมปีนี้หมาของท่านจงปลอดภัยครับ

กลับไปหน้า "คอลัมน์สัตว์เลี้ยง"