คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติที่ค้างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรชุดก่อน ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันให้ดำเนินการต่อไป และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎร เมื่อพ้นวันที่ 4 เมษายน 2544

ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. …. ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 5 กันยายน 2543) มีสาระสำคัญ ดังนี้

  1. ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติควบคุมการบำบัดโรคสัตว์ พ.ศ. 2505

  2.  กำหนดให้สัตวแพทยสภามีฐานะเป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมและควบคุมการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ให้มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และควบคุมส่งเสริมมาตรฐานการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์รวมทั้งควบคุมมิให้มีการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคล
    ที่ไม่มีความรู้ในการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนที่มารับบริการ รวมทั้งอำนาจหน้าที่อื่นที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้ โดยสัตวแพทยสภาอาจมีรายได้จากเงินอุดหนุนจากงบประมาณแผ่นดิน ค่าขึ้นทะเบียนสมาชิก ค่าบำรุง ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ผลประโยชน์จากการจัดการทรัพย์สินและกิจการตามวัตถุประสงค์ เงินและทรัพย์สินซึ่งมีผู้ให้แก่สัตวแพทยสภารวมทั้งดอกผลของเงินและทรัพย์สินดังกล่าว

  3.  กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำรงตำแหน่งสภานายกพิเศษแห่งสัตวแพทยสภา

  4.  กำหนดให้มีสำนักงานสัตวแพทยสภาเพื่อทำหน้าที่ธุรการต่าง ๆ ให้แก่สัตวแพทยสภาและคณะกรรมการสัตวแพทยสภา รวมทั้งให้มีสำนักงานสาขาได้ตามความจำเป็นตามที่คณะกรรมการสัตวแพทยสภากำหนด

  5.  กำหนดให้สัตวแพทยสภาประกอบไปด้วยสมาชิกซึ่งเป็นผู้ได้รับปริญญา อนุปริญญา หรือประกาศนียบัตรในวิชาสัตวแพทย์ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด โดยสมาชิกสัตวแพทยสภามีสิทธิขอขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ และมีหน้าที่ต้องผดุงไว้ซึ่งเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพและปฏิบัติตนตามพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งมีสิทธิและหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ และสำหรับการพ้นจากสมาชิกภาพนั้นให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด

  6.  กำหนดให้มีคณะกรรมการสัตวแพทยสภา ประกอบด้วยกรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนส่วนราชการ และกรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งโดยสมาชิก และในการดำเนินงาน คณะกรรมการอาจแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษาได้ รวมทั้งเลือกกรรมการซึ่งได้รับเลือกตั้งโดยสมาชิกให้ดำรงตำแหน่ง นายกสัตวแพทยสภา อุปนายกสัตวแพทยสภา และตำแหน่งผู้บริหาร
     ได้แก่ เลขาธิการ รองเลขาธิการ ประชาสัมพันธ์ เหรัญญิก และตำแหน่งอื่นตามความจำเป็น โดยคณะกรรมการสัตวแพทยสภานี้มีอำนาจหน้าที่บริหารกิจการต่าง ๆ ของสัตวแพทยสภา และออกข้อบังคับสัตวแพทยสภา รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนนายกสัตวแพทยสภา อุปนายกสัตวแพทยสภา และผู้บริหารมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้

  7. ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต ซึ่งหากผู้ใดประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์หรือแสดงด้วยวิธีใด ๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพดังกล่าว โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาตจากสัตวแพทยสภาจะต้องโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

  8.  กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ต้องรักษาจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพการสัตวแพทย์ตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับสัตวแพทยสภา กรณีที่มีการฝ่าฝืนและมีการทำคำกล่าวหาหรือคำกล่าวโทษเป็นหนังสือเสนอต่อสัตวแพทยสภา
    คณะกรรมการสัตวแพทยสภาต้องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจรรยาบรรณขึ้นมาเพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริง
    แล้วเสนอให้คณะกรรมการสัตวแพทยสภาพิจารณาและมีมติว่าจะให้คณะอนุกรรมการจรรยาบรรณสืบสวนหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม
    หรือจะให้คณะอนุกรรมการสอบสวนทำการสอบสวนในกรณีที่เห็นว่าข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษนั้นมีมูล หรือให้ยกข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษในกรณีที่ข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวโทษนั้นไม่มีมูล
    และเมื่อคณะอนุกรรมการการสอบสวนทำการสอบสวนได้ข้อยุติแล้ว คณะกรรมการสัตวแพทยสภาจึงจะพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดโดยทำเป็นคำสั่งสัตวแพทยสภา
    พร้อมด้วยเหตุผลของการวินิจฉัยและคำสั่งนี้ให้ถือเป็นที่สุด

  9. กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินงานของสัตวแพทยสภาและการประกอบวิชาชีพสัตวแพทย์
    และสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการดำเนินงานของสัตวแพทยสภาและการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์

  10. ในการปฏิบัติหน้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวและมีอำนาจเข้าไปในสำนักงานของสัตวแพทยสภา
    หรือสถานที่ของผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์ในระหว่างเวลาทำการเพื่อตรวจสอบใบอนุญาต เอกสารหรือวัตถุ ค้นหรือยึดเอกสารที่อาจใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
    และให้ถือว่าพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา