ลักษณะทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัสอหิวาต์สุกรสายพันธุ์ประเทศไทย สพ.ญ.สุจิรา ปาจาริยนนท์ กลุ่มงานไวรัสวิทยา สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ สุกรเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีความสำคัญยิ่งในประเทศ เพราะนอกจากจะทำรายได้ให้แก่เกษตรกรปีละไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาทแล้ว ยังมีส่วนทำให้เกษตรกรขายผลผลิตทางการ เกษตรได้ปีละกว่า 4 ล้านตัน รัฐบาลมีนโยบายที่จะส่งเสริมการเพิ่มผลผลิตและผลิตภัณฑ์สุกรเพื่อการบริโภคภายในประเทศ และการส่งออก เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย การลดปัจจัยที่เป็นปัญหาต่อการผลิต โดยการทำให้ปลอดจากโรคติดต่อที่สำคัญโดยเฉพาะโรคอหิวาต์สุกรซึ่งเป็นโรคระบาดร้ายแรงที่ทำความเสียหาย ให้แก่วงการอุตสาหกรรมการผลิตสุกรของประเทศมานานกว่า 50 ปี ทางกรมปศุสัตว์โดยสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ได้จัดทำโครงการพัฒนาการควบคุมโรคอหิวาต์สุกร และการศึกษาลักษณะทางพันธุกรรม ของเชื้อไวรัสอหิวาต์สุกรสายพันธุ์ ประเทศไทย ก็เป็นหนึ่งในโครงการนี้ การศึกษารายละเอียดความแตกต่างของเชื้อไวรัสอหิวาต์สุกรที่ระบาดในประเทศ โดยวิธีทางพันธุวิศวกรรม สามารถบอกถึงแหล่งที่มาของการระบาดของเชื้อซึ่งจะเป็นฐานข้อมูลทางด้านระบาดวิทยา สามารถนำไปใช้วางแผน ควบคุมโรค ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น วัตถุประสงค์
การดำเนินงาน
ผลการดำเนินงาน จากการใช้เทคนิคทางพันธุวิศวกรรมศึกษาลักษณะทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัสอหิวาต์สุกรที่แยกได้ในประเทศไทย พบว่าสามารถแบ่งเชื้อไวรัสอหิวาต์สุกรออกได้เป็น 3 กลุ่ม
เชื้อไวรัสอหิวาต์สุกรจำนวน 80 ตัวอย่างเชื้อที่แยกได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533-2541 เป็นเชื้อไวรัสใน กลุ่ม 1 17% กลุ่ม 2 50% และกลุ่ม 3 33% และพบว่า เชื้อในกลุ่ม 2 ซึ่ง ตรวจพบในการ ระบาดครั้งแรก ปีพ.ศ.2539 มี การแพร่ระบาด กระจายอย่างรวดเร็วไปในหลายจังหวัดทั่วประเทศ โดยคิดเป็นร้อยละ 80 ของจำนวนตัวอย่างเชื้อที่พบ ระหว่างปี พ.ศ. 2539-2541 วิธีการตรวจแยกความแตกต่างทางพันธุกรรมของเชื้อไวรัสอหิวาต์สุกรนี้ ช่วยให้การชันสูตรโรคและการจัดแบ่ง กลุ่มเชื้อไวรัสอหิวาต์สุกรได้ผลรวดเร็วและแม่นยำ เชื้อทั้งสามกลุ่มนี้เมื่อนำมาฉีดในสุกรทดลองที่ได้รับวัคซีนอหิวาต์สุกรที่ใช้อยู่ในประเทศ พบว่าวัคซีนสามารถให้ความคุ้มต่อโรคอหิวาต์สุกรที่เกิดจากเชื้อทั้งสามกลุ่มได้ ผลสำเร็จของการวิจัย จากการดำเนินงานข้างต้น ทำให้จัดเชื้อไวรัสอหิวาต์สุกรที่มีการระบาดในประเทศไทยได้เป็น 3 กลุ่ม และบอกได้ว่า เชื้อที่ตรวจพบนั้นจัดอยู่ในกลุ่มใด มีการระบาดในที่ใดบ้าง ซึ่งสามารถนำผลที่ได้มาใช้สร้างฐานข้อมูลของเชื้อไวรัสอหิวาต์ สุกรในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทางด้านระบาดวิทยา ตลอดจนการวางมาตรการในการควบคุมและป้องกันโรคได้ทันเหตุการณ์ ปัญหาและแนวทางแก้ไข จากการศึกษาพบว่าโรคอหิวาต์สุกรมีการระบาดจากแหล่งหนึ่งและแพร่กระจายไปยังแหล่งอื่นๆ และยังพบเชื้อสายพันธุ์ เดียวกับที่พบในต่างประเทศ จึงควรเพิ่มมาตรการการตรวจสอบ และระบบการควบคุมโรคอย่างจริงจัง โดยระมัดระวังการเคลื่อนย้ายสัตว์จากบริเวณที่มีโรคระบาด และเข้มงวดในการทำลายสัตว์ป่วย และมีมาตรการ ตรวจสอบกักกันที่รัดกุม สำหรับสุกรที่นำเข้าจากต่างประเทศ มาตรการดังกล่าวจะช่วยลดการแพร่กระจาย ของเชื้อไวรัสอหิวาต์สุกรและช่วยลดการนำเชื้อสายพันธุ์ใหม่เข้ามา ในราชอาณาจักร นอกจากนั้นการควบคุม การนำสุกรใหม่เข้าฟาร์ม ควรจะมาจากฟาร์มปลอดโรค และควรมีการทำวัคซีนอหิวาต์สุกร เนื่องจากพบว่าการทำวัคซีนที่มีใช้อยู่ในประเทศสามารถป้องกันโรคได้ทั้งสามกลุ่ม การที่จะทำให้สุกรปลอดโรคได้ วิธีการหนึ่งคือการฉีดวัคซีน ซึ่งจะต้องทำเป็นโปรแกรม และที่สำคัญต้องทำอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ การดูแลด้านสุขาภิบาลและการจัดการฟาร์มที่ดี จำเป็นอย่างยิ่งที่เจ้าของฟาร์มจะต้องมีความรู้พื้นฐาน เช่นการใช้ยาฆ่าเชื้อที่เหมาะสมทั้งในสิ่งของ รถหรือคนที่จะเข้าฟาร์ม ตลอดจนการป้องกันพาหะเช่น นก หนู ซึ่งอาจนำเชื้อ เข้ามาในฟาร์มได้ ดังนั้นการให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร และการรณรงค์แก้ไขและการดำเนินการ โดยเร่งด่วนเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เอกสารอ้างอิง Lowings, J.P., Paton, D., Sands, J.J., et al 1994. Classical swine fever virus: genetic detection and analysis of differences between virus isolates. J. Gen. Virol. 75, 3461-3468 Lowings, J.P., Ibata, G., Needham, J. et al 1996. Classical swine fever virus diversity and evolution. J. Gen. Virol 77,1311-1321 Vilcek, S., Stadejek, T., Ballagi-Pordany, A. et al 1996. Genetic variability of classical swine fever virus. Virus Res. 43,137-147 |
||||