เหมียวผ่านศึก

ผศ.น.สพ.ปานเทพ รัตนากร

เสียงเจี้ยวจ้าว โหง่หง่าว โครมครามอยู่บนหลังคากันสาด หรือแม้แต่บนแนวรั้วบ้าน   ซึ่งมักเกิดขึ้นในยามวิกาล ชวนรำคาญแก่เราๆ ท่านๆ อยู่นั้น ส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรม ของเจ้าเหมียว เจ้าหง่าวทั้งหลาย เพื่อเป็นการป้องกันเขตแดน ถิ่นฐาน รวมถึงต่อสู้แก่งแย่งช่วงชิงเจ้าสาวหรือศึกหน้านางนั่นเอง ท่านที่เลี้ยงแมวจะต้องรู้สึกวิตกกังวล กับปัญหาที่มักเกิดขึ้นเช่นนี้อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเลี้ยงแมวเพศผู้หรือแมวหง่าว ที่โตเต็มที่เป็นหนุ่มกลัดมันออกเที่ยวเตร่ ออกปะทะกับแมวนอกบ้าน ดังเหตุการณ์ข้างต้น บางตัวหายไปในสมรภูมิอย่างยาวนานเป็นอาทิตย์ จนเจ้าของทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้แล้ว จู่ๆ ก็โผล่มาเดินกระผลกกระเผลก ป้อแป้ ดูสังขารแทบจำไม่ได้ เนื่องจากผ่านศึกมาอย่างหนัก

สิ่งหนึ่งที่มักเกิดกับนักสู้ผู้ชาญชัย คือ อาการเจ็บแข้ง เจ็บขา บวมตามร่างกาย ประกอบกับตัวร้อนเป็นไข้ ซึมและไม่กินอาหาร นอนซมอยู่วันสองวันก็จะมีกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ประกอบกับน้ำเลือดปนหนอง กองเป็นหย่อมๆ ตามพื้น ตลอดจนแปดเปื้อนบนขนตามตัวทั่วไป หากท่านผู้หวังดีพยายามจับหรืออุ้มขึ้นมา อาจโดนเจ้าหง่าวแว้งกัดเพราะความเจ็บปวดอย่างไม่เคยปรากฏ

ปรากฏการณ์ที่เล่าไปนี้เป็นผลจากการกัดกันจนเกิดบาดแผลเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ผิวหนังจึงฉีกขาด เป็นช่องทางให้เชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง และที่สำคัญ พวกที่อาศัยอยู่ในปากและบนเขี้ยวของแมว นั่นเอง แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของแมว ผู้ตกเป็นเหยื่อของคมเขี้ยว ยิ่งถ้าแมวตัวนั้นๆ มีภูมิต้านทานต่ำ อาจจะเนื่องจากป่วยอยู่แล้ว ด้วยโรคเอดส์แมว หรือมะเร็งเม็ดโลหิตขาวอยู่แล้วละก็ เชื้อแบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกาย ตามบาดแผลจะสามารถเพิ่มปริมาณเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ร่างกายพยายาม กำจัดเชื้อโรคร้ายด้วยการส่งเม็ดเลือดขาวออกมาต่อสู้ก็จะมีเซลล์ ตลอดจนเนื้อเยื่อของร่างกาย ที่สูญเสียหรือถูกทำลายปะปนมาสะสมกันอยู่ตรงบริเวณบาดแผล ดังกล่าวในส่วนที่สึกหรอไป ยิ่งมีปริมาณสะสมมากขึ้นก็จะรวมตัวกันเป็นหนองขังตัวอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง มีปริมาณมากขึ้น ทุกวัน ซึ่งเราเรียกว่า “ฝี” นั่นเอง    ลักษณะของฝีจะคล้ายถุงมีลักษณะนุ่มนิ่ม เมื่อสุกงอม หากจับดูจะรู้สึกว่าร้อนกว่าบริเวณอื่น รวมถึงสร้างความเจ็บปวดแก่แมวเจ้าของฝี เมื่อถูกสัมผัส ตำแหน่งที่มักเกิดฝีซึ่งเป็นผลจากสมรภูมิของเหล่าไอ้หง่าวทั้งหลายได้แก่ขาทั้ง 4 ข้าง แก้ม ไหล่ และสะโพก หากฝีเหล่านี้ถูกทิ้งไว้จนสุกงอมก็จะยิ่งบวมเต่งมากจนแตกออกมาเอง ปล่อยให้หนองเลอะเทอะอยู่ภายนอกตลอดจนสามารถแพร่กระจายเข้าสู่กระแสโลหิตไปยัง อวัยวะภายในอื่นๆ เช่น ช่องอก ปอด หัวใจ ไต ตับ และสมอง

ฉะนั้นทันทีที่ท่านพบว่าเหมียว หง่าวแสนรักผ่านสมรภูมิมาละก็ควรตรวจเช็คสภาพร่างกาย ยิ่งถ้าเดินขาเป๋ มาละก็ให้พึงสังวรณ์ว่าอาจจะเกิดฝีได้ในอนาคต หากเห็นแผลหรือรอยสะเก็ดจากรู้เขี้ยวละก็ชัวร์ ขอให้ใช้น้ำอุ่นประคบเพื่อเร่งให้ฝีสุก หากฝีแตกมาแล้วหรือท่านสะกิดให้แตกด้วยปลายเข็มแล้ว ควรใช้น้ำยาไฮโดรเจนเปอร์อ๊อกไซด์เจือจาง 3 เปอร์เซ็นต์ฉีดล้างไล่หนอง เศษเนื้อเยื่อ และเลือดออกจาก ฝีนั้นๆ ทำวันละสัก 3 ครั้ง พร้อมกับให้กินยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ฝีดังกล่าวจะสามารถหายได้ใน เร็ววัน แต่หากว่าฝีนั้นใหญ่หรือแตกมาหลายวันประกอบกับแมวมีไข้สูง ไม่กินอาหาร บางตัวถึงขั้นโคม่าก็มี ฉะนั้นขอให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน มิฉะนั้นอาจไม่มีโอกาสรับเหรียญผ่านศึกนะครับ

กลับไปหน้า "คอลัมน์สัตว์เลี้ยง"