สาระความรู้เรื่อง
..สัตว์ป่า
สัตว์ป่าของไทย |
นายสัตวแพทย์อลงกรณ์
มหรรณพ วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2542 |
สัตว์ป่าตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าฉบับล่าสุดปีพ.ศ.
2535 ซึ่งออกเมื่อวันที่ 19
กุมภาพันธ์ 2535 ให้ความหมายได้ว่า
สัตว์ทุกชนิดไม่ว่าสัตว์บก
สัตว์น้ำ สัตว์ปีก แมลง
หรือแมง
โดยสภาพธรรมชาติย่อมเกิดและดำรงชีวิตอยู่ในป่าหรือในน้ำ
และให้ความหมายรวมถึงไข่ของสัตว์สงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองฉบับเก่าคือ
ฉบับ 2503 สัตว์ป่าคุ้มครองจะมีชนิดที่
1 และชนิดที่ 2 แต่ฉบับใหม่จะรวมหมดเลยเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองอย่างเดียว
สัตว์ป่าในบ้านเราในระยะ
10
ปีทีผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง?
จำนวนของสัตว์ป่า ค่อนข้างที่จะน่าวิตกเนื่องจากการบุกรุกทำลายป่าไม้ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่อยู่หรือบ้านของสัตว์ป่านี่เรายังไม่สามารถควบคุมการบุกรุกทำลายป่าไม้ได้
และประกอบกับการมีการล่าสัตว์ป่าโดยผิดกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการเอาอวัยวะมาทำเป็นยาและสมุนไพรต่าง
ๆ ที่มีการเข้าใจผิดไม่ว่าจะเอาลูกสัตว์มาขายโดยหลอกประชาชนว่าเป็นสัตว์ที่เชื่องบ้าง
เป็นสัตว์ที่หายากบ้าง
สิ่งเหล่านี้เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ที่ไปทำลายป่า
สัตว์อย่างอื่นนอกจากสมันแล้วมีอะไรอีกบ้างที่ใกล้จะสูญพันธุ์หรือว่าหายากเต็มทีแล้วในประเทศไทย
ในปัจจุบันที่หายาก
ได้แก่
นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร
ซึ่งมีถิ่นกำเนิดหรือถิ่นอาศัยอยู่ที่
บึงบอระเพ็ด
ซึ่งปัจจุบันบึงบอระเพ็ดที่บริเวณนั้นก็มีการเปลี่ยนสภาพไปบ้าง
ทำให้นกพวกนี้ซึ่งเป็นนกนางแอ่นชนิดหนึ่งไม่สามารถที่จะอยู่ได้
อีกอันที่น่าเป็นห่วง ก็คือ
แรด กระซู่
และกูปรีพวกนี้ปัจจุบันไม่ได้รับข่าวเลย
ทำให้น่าเชื่อว่าพวกนี้ใกล้จะสูญพันธุ์มาก
และได้รับทราบจากพวกพรานที่เข้าไปล่าสัตว์ว่าไม่เคยเห็นสัตว์พวกนี้เลยในป่าเมืองไทย
ยกตัวอย่างเช่นกระซู่
ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ทางภาคใต้
และบางส่วนของจังหวัดชัยภูมิ
ก็เห็นแต่เพียงรอย
ไม่สามารถที่จะเห็นตัวจริงได้
เราก็ยังไม่ยืนยันว่ายังมีหลงเหลืออยู่ในประเทศไทย
ส่วนกูปรี
ซึ่งอยู่ทางด้านบุรีรัมย์
ติดกับชายแดนด้านกัมพูชา
ซึ่งทางกัมพูชา มีสงคราม
ทำให้สัตว์พวกนี้ถูกฆ่าหรือว่าสัตว์ถูกกับระเบิดล้มตายไปเป็นจำนวนมาก
ซึ่งปัจจุบันเชื่อว่ากูปรี
ไปหลงเหลืออยู่ที่ลาวหรือเวียดนาม
แต่ในประเทศไทยคิดว่าหายาก
หรือว่าแทบจะไม่มีเลย
ในเมื่อกระซู่หรือสัตว์ที่บอกว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว
พวกพรานทราบได้อย่างไรว่าเห็นรอยแล้วบอกว่าเป็นกระซู่?
พรานจะมีประสบการณ์ในการตามรอยสัตว์ป่า
การที่จะไปยิงสัตว์ป่าหรือไปล่าสัตว์ป่า
พวกพรานนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ของเขา
คือการดูร่องรอยการกินอาหาร
เช่น เปลือกต้นไม้ ใบไม้
และดูร่องรอยบนดิน
คือลักษณะรอยเท้าของสัตว์พวกนี้เค้าจะชำนาญมากในรอยของพวกกระซู่
หรือพวกแรด
นี้มีลักษณะร่องรอยคล้ายพวกสมเสร็จเหมือนกัน
แต่เขาจะดูรอยที่ฝังลงไปในโคลน
หรือว่ารอยย่ำของฝ่าเท้าที่ลงไปในโคลน
ว่ามีขนาดหนักหรือเบากว่า
พวกสมเสร็จเก้งหม้อพวกนี้ก็เหลือน้อยเต็มทีแล้วใช่หรือไม่?
สมเสร็จ
เก้งหม้อ
ก็เหลือน้อยมากสมเสร็จ
ถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนใต้
และในถิ่นบางถิ่นคนก็ล่าเอาเนื้อ
สมเสร็จเป็นสัตว์ที่ไม่มีอาวุธต่อสู้เลยหนีอย่างเดียว
ในสภาพธรรมชาติเป็นเหยื่อของพวกเสือโคร่งหรือว่าเสือดาว
และเวลาเจอศัตรูพวกนี้จะวิ่งหนี
แล้วก็หาแหล่งน้ำ
หรือแหล่งโคลนลงไปดำหลบภัยอันตราย
แต่ว่ามาเจอกับมนุษย์ที่จะยิงล่าอย่างเดียว
ก็จะสู้กระสุนปืนไม่ได้
บางทีก็จะยิงตัวแม่เพื่อจะเอาตัวลูก
ซึ่งลูกที่เกิดใหม่ก็จะมีลักษณะคล้ายแตงไทย
มีลักษณะสวยงามมาก
จะเอามาขายประชาชน
แสดงว่าก็ยังมีคนนิยมเลี้ยงสัตว์ป่าพวกนี้อยู่ใช่หรือไม่?
ยังมีประชาชนนิยมเลี้ยงสัตว์ป่าพวกนี้อยู่
แต่ถ้าเทียบกับอดีต
ก็ลดน้อยลงแต่ยังไม่หมดไปจากเมืองไทย
มีสัตว์ป่าอะไรบ้างที่คุณหมอเคยได้รับแจ้งมา
ที่ประชาชนยังหาซื้อมาเลี้ยงอยู่?
สัตว์ป่าที่เป็นที่นิยมอันดับแรก
ๆ เลยก็เป็นพวกลูกชะนี
ลิงค่าง หรือว่าลิงลม
หรือจำพวกหมีควาย
หรือหมีหมา หรือพวกลูกแมวดำ
หรือลูกชะมด อีเห็น
โดยเฉพาะลูกค่าง
ซึ่งตอนเกิดใหม่ ๆ
จะมีสีทองก็เอามาหลอกขายกันว่าเป็นลิงเผือกบ้าง
ค่างเผือกบ้าง
และสามารถที่จะโก่งราคาได้ในราคาที่สูง
ถ้าหากตอนนี้ยังมีคนเลี้ยงสัตว์เหล่านี้อยู่
หมายถึง ชะนี อะไรเหล่านี้
มีคำแนะนำหรือไม่? ถ้ายังมีสัตว์ป่าไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดใหนควรจะรีบแจ้งให้กรมป่าไม้
หรือว่าป่าไม้จังหวัด ทราบเพื่อที่จะได้ทำทะเบียนประวัติไว้
หรือว่าแนะนำให้เจ้าของสัตว์ป่าควรปฏิบัติอย่างไร
เราไม่ควรที่จะไปหลบเลี่ยง
หรือว่าเอาสัตว์เหล่านั้นหลบไปเพราะเกิดอันตรายต่อสัตว์
ส่วนในการกรณีที่มีปัญหาเรื่องการเลี้ยงสัตว์ก็ควรจะปรึกษาคนที่เชี่ยวชาญในการเลี้ยงสัตว์ป่าหรือว่าโทรมาเพื่อปรึกษากับพวกหมอก็ได้ว่าควรจะเลี้ยงอย่างไร
ลิงหรือชะนี ดุ
กัดคน
มีอันตรายอย่างนี้ควรทำอย่างไร?
สำหรับเลี้ยงกรณีจนโตแล้ว
แล้วมีความผูกพันเป็นลูกเป็นหลานไปแล้ว
จะมีปัญหาเรื่องเขี้ยวของสัตว์พวกนี้
ซึ่งมีลักษณะค่อนข้างยาวและคม
ก็จะมีการโทรมาปรึกษาว่าควรทำอย่างไร
ที่นี้ก็อยากจะแนะนำว่าถ้าจะเลี้ยงไปจนตาย
ถ้าอยากจะตัดเขี้ยวก็ต้องแจ้งเจ้าของก่อนว่าอธิบายให้เจ้าของฟังว่า
ต้องเลี้ยงเจ้าตัวนั้นจนกว่าจะเสียชีวิต
หรือว่าแก่ตายไปเพราะว่าเมื่อตัดเขี้ยวไปแล้ว
โอกาสที่จะปล่อยกลับคืนสู่ป่า
การหาอาหาร
การต่อสู้กับฝูงลิงป่าทำไม่ได้ก็จะแพ้
และอาจถูกกัดถึงตายได้
เพราะฉะนั้นเจ้าของบางคน
ซึ่งรักพวกลิง
พวกชะนีพวกนี้มาก
เราจะแนะนำว่าถ้าคุณอยากจะตัดเขี้ยวคุณก็ต้องเลี้ยงสัตว์ป่าตัวนี้ไปจนกว่าจะเสียชีวิต
ปัญหาก็คือว่าบางคนมักง่าย
หรือว่าไม่รู้
ก็เอาคีมตัดไปที่เขี้ยว
ทั้ง 4 เลย ข้างบน 2 ข้างล่างซ้าย
2 โดยไม่รู้ว่าถ้าตัดไปแล้วเนี่ย
โพรงของประสาทหรือว่าโพรงของเส้นเลือดจะโผล่ออกมา
เหมือนคนที่ฟันผุ
ขนาดคนเราฟันผุซี่เดียวยังปวดมาก
ชะนีหรือพวกค่างเจอเข้าไป 4
ซี่
ก็ปวดแบบนั้นตลอดชีวิต
โดยไม่มีการไปหาหมอ
หรือว่าไปอุดฟันแบบคนได้
ฉะนั้นในการที่จะตัดเขี้ยวทั้ง
4 ของพวกลิง ชะนี ค่าง
พวกนี้เราจะแนะนำเจ้าของว่า
ทางสัตวแพทย์จะวางยา
ยาสลบให้คุณต้องติดต่อกับทันตแพทย์
เพื่อที่จะใช้วิธีการตัด
โดยให้ทางทันตแพทย์ตัด
แล้วก็ใช้สิ่งทีทอุดลงไปในโพรงของรากฟันเหมือนฟันคนต้องอุดให้หมด
เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าไปในโพรงประสาทของฟันเพื่อที่ไม่ให้สัตว์มีอันตราย
ไม่เจ็บปวดไปตลอดชีวิต
แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเลี้ยงสัตว์ตัวนั้นจนกว่าเขาจะตายไปเอง
ห้าม เอาไปปล่อยในป่า
อย่างบางกรณีที่ผู้เลี้ยงนำสัตว์พวกนั้นมาเลี้ยงที่มันยังเล็ก
ๆ
ก็มีความน่ารักแต่พอเลี้ยงไปซักระยะหนึ่ง
บางคนก็บอกว่าเลี้ยงไม่ไหวแล้ว
บางทีมันก็ดุตามธรรมชาติ
แล้วก็ไม่อยากเลี้ยงแล้วตอนนี้ควรทำอย่างไรดี
ให้ติดต่อที่ใหนดี?
ตอนนี้มีเยอะมาก
ก็ตอนที่เป็นลูกสัตว์ก็จะน่ารักมาก
ไม่ว่าพวกลิงหรือพวกชะนี
หรือพวกหมี
แต่พอโตขึ้นเอาไม่ไหวจะกัดเจ้าของ
หรือว่าเพื่อนบ้าน
ก็จะเอามาบริจาค
สถานที่ที่บริจาคส่วนมากจะเป็นสวนสัตว์
ไม่ว่าที่กรุงเทพฯ
หรือต่างจังหวัดและก็ทางกรมป่าไม้
อย่างพวกหมีควาย
สัตว์ใหญ่
พวกนี่ต้องไว้จนตาย
พวกหมีควายพวกเสือโคร่ง
ต้องตัดเขี้ยวเหมือนกันหรือไม่พวกหมี?
ไม่ต้องตัดในกรณีที่เลี้ยงจะตัดเล็บ
2 ขาหน้า
ซึ่งการตัดเล็บของพวกสัตว์กินเนื้อจะทำให้ไปตัดอวัยวะในการใช้ต่อสู้ศัตรูหรือในการหาอาหารหมดไปเลยเพราะฉะนั้นต้องเลี้ยงเค้าไป
จนกว่าเค้าจะเสียชีวิต
เล็บพวกหมีเวลาตัดแล้วจะไม่ยาวออกมาใหม่เหมือนเล็บคนหรือไม่?
เวลาตัดก็จะตัดตรงโคนของเล็บเป็นส่วนเกาะระหว่างเล็บซึ่งเป็นเนื้อ
จะเรียกคอราติน
ลักษณะคล้ายเล็บคน
ถ้าเทียบกับเล็บคนก็ตัดโคนเล็บเลย
สิ่งที่ยึดระหว่างตรงเล็บกับตรงข้อ
ตรงนั้นเราตัดออกซึ่งการตัดออกนี้จะเสียเลือดมาก
เพราะฉะนั้นต้องวางยาสลบแบบให้หลับ
100% และเมื่อตัดแล้วก็จะไม่งอกออกมาขนจะคลุม
อยู่บริเวณที่เคยเป็นเล็บ
ซึ่งหมืเล็บมันจะไม่หดกลับแบบของเสือเพราะฉะนั้นก็จะตัดออกไป
โดยที่เราไม่ต้องดึงเล็บออกมา
หลังจากที่สลบแล้วก็ให้เล็บอยู่แบบนั้นแล้วก็ตัดตรงโคนเล็บ
ส่วนในรายของสัตว์พวกเสือ
เล็บจะหดกลับอยู่ในอุ้งตีน
เพราะฉะนั้นเวลาวางยาสลบเราก็ต้องดึงออกมาให้สุดแล้วก็ตัดตรงเอ็นแล้วก็เนื้อที่ยึดโคนเล็บออกไปให้หมด
รู้สึกว่ายุ่งยากเหมือนกัน
และอย่างแมวดาวล่ะ?
แมวดาวเป็นสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายเสือดาว
แต่รูปร่างและน้ำหนักจะต่างกันมาก
แมวดาวโตเต็มที่น้ำหนักไม่เกิน
35 กิโลกรัม
ส่วนเสือดาวจะประมาณ 30 กิโลกรัม
บางทีพ่อค้าสัตว์ก็เอาแมวดาวมาหลอกขายประชาชน
หลอกว่าเป็นลูกเสือดาวบ้าง
เพื่อที่จะดึงราคาให้สูงขึ้น
คนที่ไม่รู้ก็ซื้อไป
ซึ่งเมื่อซื้อแล้วตอนแรกๆ
ก็ทนไหว พอต่อๆไป
ก็ทนไม่ไหวเนื่องจากปัสสาวะและอุจจาระมันค่อนข้างกลิ่นรุนแรงมาก
ซึ่งสัตว์พวกนี้กินเนื้อเป็นอาหารซึ่งมีสารประกอบพวกไนโตรเจนค่อนข้างสูง
ฉะนั้นเวลามันถ่ายทอดออกมาจะมีกลิ่นเหม็นมากซึ่งจะเป็นโดยธรรมชาติ
ตอนนี้ที่เห็นคนนิยมเลี้ยงกันโดยแน่ใจว่าเป็นสัตว์ป่าหรือไม่
อีกัวน่า คงไม่ใช่สัตว์ป่า
เมืองไทย?
เป็นสัตว์ป่าของทางอเมริการใต้
เป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง
และมีการเพาะพันธุ์ที่จากต่างประเทศค่อนข้างเยอะ
และส่งเข้ามาขายที่ประเทศไทย
โดยนำเข้ามาใส่ถุงมาในลักษณะที่เป็นตัวเล็ก
ๆ ตัวสีเขียวจัด
แต่พอโตขึ้นมีหนามขึ้นที่คอหรือว่าสีบริเวณลำตัวเปลี่ยนไป
ตัวจะใหญ่เทอะทะแล้วก็ไม่ค่อยน่ารักเหมือนตอนที่เป็นตัวเล็ก
ๆ
จุดที่ต้องระวังเรื่องอีกัวน่า
ก็คือเรื่องอุจจาระและปัสสาวะ
ซึ่งจะมีเชื้อโรคตัวหนึ่ง
เชื้อแบคทีเรียตัวหนึ่งที่จะสามารถติดต่อมาถึงคนได้
โดยผ่านทางอาหารและน้ำ
ซึ่งชื่อว่าเชื้อ
ซัลโมเนลล่า
ปกติแล้วในต่างประเทศกลัวกันมากเพราะประชาชนหรือทางยุโรปหรือเมริกา
ระบบลำไส้หรือระบบทางเดินอาหารจะมีความต้านทางหรือทนต่อเชื้อนี้น้อยกว่าคนทางเอเซีย
แต่สำหรับคนทางเอเซีย
หรือคนไทยเรานี่มีความต้านทานต่อเชื้อนี้เข้าไปจำนวนมากโดยเราไม่ระวังเรื่องความสะอาด
ขณะที่บริโภคน้ำ
หรือบริโภคอาหารก็จะติดเชื้อนี้เข้าไป
ก็สามารถทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารได้เช่น
ท้องเสีย ท้องร่วง
และทำให้เกิดการเสียน้ำ
อาจจะอันตรายถึงชีวิต
มีคำแนะนำสำหรับคนที่กำลังเลี้ยงอีกัวน่าอยู่หรือไม่?
สำหรับรายที่กำลังเลี้ยงสัตว์เลื้อยคลานประเภทนี้อยู่
การที่จะเอามาเล่นก็ไม่ได้ห้าม
แต่ว่าหลังจากเล่นเสร็จแล้วควรจะทำความสะอาด
ร่างกายหรือล้างมือให้สะอาดเสียก่อนที่จะบริโภคอาหารหรือน้ำและตัวสัตว์ก็ควรใช้ยาฆ่าเชื้อชนิดอ่อนละลายน้ำแล้วชุบผ้าเช็ดลำตัวทุกวัน
และมีการทำสะอาดกรงทุกวัน
บริเวณกรงที่เลี้ยงควรจะถูกแสงแดดอย่างเต็มที่เพื่อที่จะฆ่าเชื้อโรคพวกนี้ให้ได้หมด
ถ้าพบเห็นการซื้อขายสัตว์ป่าควรทำอย่างไรดี?
ถ้าเราเห็นมีการซื้อขายสัตว์ป่าให้เรานึกในใจเลยว่าเป็นการผิดกฎหมาย
เราสามารถที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่
ให้เข้าไปตรวจสอบหรือจับกุมได้ทันที
ถ้ามีสัตว์ป่าอยู่ในครอบครองก่อนที่พระราชบัญญัติสัตว์ป่าสงวน
และสัตว์ป่าคุ้มครอบปี พ.ศ.
2535
หมายถึงเลี้ยงไว้ก่อนพระราชบัญญัติ
ควรจะทำอย่างไรดี?
ควรจะแจ้งกรมป่าไม้หรือกรมประมง
เพื่อที่จะได้ทำให้สัตว์ป่าตัวนั้นถูกต้องตามกฎหมาย
ซึ่งโดยทั่วไปเท่าที่ทราบทางกรมป่าไม้หรือกรมประมงก็จะอนุญาตให้เจ้าของเดิมเลี้ยงสัตว์ตัวนั้นไปจนกว่าจะเสียชีวิต
หรือว่าครอบครัวไปจนกว่าสัตว์ตัวนั้นจะเสียชีวิต
แต่หลังจากสัตว์ตัวนั้นเสียชีวิตแล้วห้ามไปหามาเลี้ยงใหม่คือ
หมดแล้วตัดตอนไปเลย
ไม่ต้องไปหาสัตว์ป่าตัวอื่นมาเลี้ยงต่อ
สัตว์ป่าสงวนมีอยู่ทั้งหมด
15 ชนิด
ไม่ทราบว่าทางส่วนราชการมีการจะเพิ่มจำนวนของสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครองอีกบ้างหรือไม่?
ในส่วนขององค์การสวนสัตว์เองก็พยายามที่จะเพิ่มจำนวนพวกนี้
ซึ่งบางอย่างบางชนิดเราก็สามารถที่จะเพิ่มจำนวนได้
แต่ว่ายังไม่มากนัก เช่น
สมเสร็จ นกกระเรียน ละมั่ง
และพวกเก้งหม้อ
สามารถที่จะผสมพันธุ์และก็ขยายพันธุ์ในสวนสัตว์ได้
แต่ว่าถ้าจะให้ได้ผลสำเร็จดี
ก็คือต้องไปขยายพันธุ์ให้ได้จำนวนมากพอที่จะเอาไปขยายพันธุ์ให้ได้จำนวนมากพอที่จะเอาไปปล่อยเข้าไปสู่ธรรมชาติเดิม
ปล่อยสู่ป่าที่เป็นถิ่นกำเนิดได้อย่างเดิม
บางคนไปเจอสัตว์ที่มันค่อนข้างจะประหลาด
คือไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยนักทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าเป็นสัตว์สงวนหรือไม่ต้องแจ้งใคร?
ผู้เชี่ยวชาญไม่ว่าจะเป็นจาก
กรมประมงกรมป่าไม้หรือองค์การสวนสัตว์ก็ได้อาจจะโทรเข้ามาบอกลักษณะก็สามารถบอกได้คร่าว
ๆ ได้
หรือว่าอาจจะถ่ายรูปภาพและส่ง
รูปภาพมาให้ดูก็ได้
ช้างนี่ถือว่าเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองหรือไม่?
เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง
แต่แปลกหน่อยก็คือว่าช้างป่า
เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองอยู่ในความรับความรับผิดชอบของกรมป่าไม้
ส่วนช้างบ้านที่เราเห็นเดินเร่ร่อนเป็นสัตว์พาหนะ
ตามพระราชบัญญัติปี พ.ศ.
2482
อยู่ในความควบคุมดูแลของกรมปศุสัตว์
ปัจจุบันมันอยู่ 2
สถานะ
ตลอดปี 2541
ที่ผ่านมาตลอดทั้งปีมีช้างกี่เชือกที่มาขอรับการรักษา?
ในรายของช้างบ้าน
ปี 2541
ได้ทำการช่วยเหลือไปทั้งหมด
288 เชือก รอดทั้งหมด 285
เชือก ตาย 3 เชือก
ถ้าเราคิดเป็นมูลค่าช้างเฉลี่ยแล้วตัวละประมาณ
1 แสนบาท
คือช้างโดยทั่วไปราคาจะประมาณ
6 หมื่น 5 แสนบาท
แต่เราตีว่าตัวละแสนบาท
เราก็สามารถประหยัดงบประมาณของรัฐบาลไปได้แปดล้านห้าแสนบาทในปี
2541 ถ้าคิดเป็นราคาของสัตว์
อยากฝากคติข้อคิดเตือนในในปีใหม่ว่ามีอยู่
4 ไม่คือ ไม่เลี้ยง
ไม่ล่า ไม่ฆ่า
ไม่กินสัตว์ป่า
สัตว์ป่าก็จะไม่สูญพันธุ์
|
ลิง |
นายสัตวแพทย์อลงกรณ์
มหรรณพ วันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม 2543 |
ลิงไทยมี
5
ชนิด คือ ลิงแสม ลิงกัง
ลิงวอก ลิงวอกภูเขา
เมื่อเกิดต้องเกาะหน้าอกและอยู่กับแม่จนถึงอายุ
2-3 ปี
ลิงไทยทั้ง 5
ชนิด
เป็นสัตว์ป่าที่มีนิสัยดุร้าย
เมื่ออายุตั้งแต่ 3-5
ปีขึ้นไป
โดยเฉพาะตัวผู้จะมีนิสัยดุร้ายกว่าตัวเมียอาวุธที่สำคัญคือเขี้ยวทั้ง
4 เขี้ยว
ซึ่งอยู่ที่กรามบน 2
เขี้ยว กรามล่าง 2
เขี้ยว
ลิงไทยดังกล่าวทั้งหมดเป็นสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง?
เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า
ปีพุทธศักราช 2535
ผู้ใดล่าบริโภค
หรือมีไว้ในครอบครองต้องโทษปรับไม่เกิน
40,000 บาท
หรือจำคุกไม่เกิน 4
ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
ลิงกังเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอบที่อนุญาตให้เพาะพันธุ์ได้
โรคติดต่อที่สำคัญในลิงมีอะไรบ้าง?
1. วัณโรค
ส่วนใหญ่เชื้อจะติดต่อทางทางเดินหายใจ
2. โรคพิษสุนัขบ้าติดต่อถึงมนุษย์โดยการกัด
3. โรคไวรัสเอสไอวี
เกิดจากเชื้อไวรัสที่ใกล้เคียงกับเอชไอวี
ลิงพวกนี้จะมีประวัติว่าเคยคลุกคลีกับลิงจากแอฟริกาหรือลิงในห้องทดลอง
4. โรคพยาธิในทางเดินอาหาร
เช่น พยาธิไส้เดือน
พยาธิเข็มหมุด พยาธิเส้นม้า
พยาธิปากขอ
ซึ่งสามารถติดต่อมาถึงมนุษย์ได้ทุกชนิด
5. โรคอุจจาระร่วง
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
ซัลโมเนลล่า อีโคไลชิเกลล่า
ซึ่งติดต่อมาถึงมนุษย์โดยการกิน
ทำให้เกิดอาการท้องเสียลลำไส้อักเสบ
บางรายท้องร่วงขนาดหนักทำให้ร่างกายขาดน้ำเฉียบพลันก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
ต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
6. บาดทะยักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ต้องการอ๊อกซิเจนทำให้เกิดการชักเกร็ง
เมื่อถูกลิงกัดควรปฏิบัติตัวอย่างไร?
เมื่อถูกลิงกัดอย่างกระชากให้ใช้วัสดุที่แข็ง
เช่น ไม่ ปากกา
ง้างปากออกเพื่อที่จะไม่ให้เกิดบาดแผลฉีกขาด
กระรุ่งกระริ่ง
เสร็จแล้วทำความสะอากบาดแผลด้วยสบู่
น้ำสะอาด แอลกฮอล์
และทิงเจอร์ไอโอดีน
แล้วรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ทันที
เพื่อฉีดยาป้องกันบาดทะยักและวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
ส่วนลิงตัวที่กัดควรกักไว้ดูอาการ
10 วัน
เพื่อดูว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้าหรือไม่
ถ้าพบลิงอาละวาดหรือหลุดจากกรมหรือโซ่ขาดควรปฏิบัติอย่างไร?
เมื่อพบลิงหลุดให้กันเด็ก
ผู้หญิง คนแก่
ออกให้ไกลที่สุด
หรือปิดประตูหน้าต่างบ้านทุกบาน
อย่างออกไปไกล้ลิงส่วนผู้ชายควรถือไม้ไว้ป้องกันตัว
อย่าไล่หรือยิงลิง
ต่อจากนั้นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือยิงลิง
ต่อจากนั้นให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือ
จ.ส. 100 ทันที
เพื่อจะได้ติดต่อประสานงานให้
เจ้าหน้าที่ส่วนสัตว์มาดำเนินการจับลิงดังกล่าว
|
ปัญหาสัตว์ป่าในชุมชนเมือง |
นายสัตวแพทย์วิศิษฎ์
อาศัยธรรมกุล วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน 2542 |
ควรทำความเข้าใจกันก่อนว่าสัตว์ป่าที่แท้จริงจะต้องมีถิ่นกำเนิด
และดำรงชีวิตอยู่ในธรรมชาติเท่านั้น
ซึ่งเป็นวัฎจักรที่หมุนเวียนมายาวนาน
(จากนี้ไปเรียกว่า สัตว์ป่าในธรรมชาติ)
อันแตกต่างกับสัตว์ป่าที่พบเห็นในสวนสัตว์
หรือสัตว์ป่าที่มีคนนำมาเลี้ยง
(จากนี้ไปเรียกว่า สัตว์ป่านอกธรรมชาติ)
ด้วยปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ
อาทิ
สัตว์ป่าในธรรมชาติอาจไม่มีภูมคิคุ้มกันโรคที่เกิดจากเชื้อโรคซึ่งพบเฉพาะในชุมชนมนุษย์
หรือปัจจัยด้านอาหาร
ที่ต่างกันทั้งชนิดของอาหารและวิธีการได้มาซึ่งอาหารโดยสัตว์ป่านอกธรรมชาติต้องรอคอยอาหารจากมนุษย์
สัตว์ป่าในธรรมชาติ
กับสัตว์นอกธรรมชาติ
เป็นปัญหาได้อย่างไร?
ความเป็นสัตว์ป่าที่สมบูรณ์แบบได้ย่อมต้องเป็นสัตว์ป่าที่อยู่ในธรรมชาติเท่านั้น
ที่ผ่านมาสัตว์ป่าหลายชนิดได้ถูกมนุษย์นำออจากธรรมชาติมาเพื่อสนองประโยชน์ของตนไม่ด้านใดด้านหนึ่ง
แต่ก็ยังมีมนุษย์อีกหลายกลุ่มที่ตระหนักถึงผลเสียหายจากการรุกล้ำธรรมชาติพยายามศึกษาหาหนทางที่จะนำสัตว์ป่านอกธรรมชาติ
ให้กลับคืนสู่ธรรมชาติให้ได้มากที่สุด
หากแต่ด้วยปัจจัยที่แตกต่างกันหลายประการระหว่างสัตว์ป่าในธรรมชาติและสัตว์ป่านอกธรรมชาตินั้น
ทำให้ความสำเร็จในการนำสัตว์ป่ากลับคืนสู่ธรรมชาติให้ได้มากที่สุด
หากแต่ด้วยปัจจัยที่แตกต่างกันหลายประการระหว่างสัตว์ป่าในธรรมชาติและสัตว์ป่านอกธรรมชาตินั้น
ทำให้ความสำเร็จในการนำสัตว์ป่ากลับคืนสู่ธรรมชาติเกิดขึ้นน้อยมาก
เพราะขาดสัญชาตญาณระวังภัยหลบหลีกศัตรูจึงเป็นอาหารของเสือหรือสัตว์ผู้ล่าอื่น
ๆ
ได้โดยง่ายเหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างของอุปสรรคในการนำสัตว์ป่ากลับคืนสู่ธรรมชาติให้ได้ผล
ผลกระทบที่ตามมานอกจากจะมีผลต่อเผ่าพันธุ์ของสัตว์ป่าธรรมชาติหลายชนิดก็ทวีจำนวนขึ้นทุกวันไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่า
ที่ถูกจับล่ามาหรือสัตว์ป่านอกธรรมชาติที่แพร่ลูกแพร่หลานอย่างมากมาย
การจะนำกลับคืนสู่ธรรมชาติก็ยากยิ่ง
ปัญหาจึงอยู่ที่เราจะจัดการอย่างไรต่อสัตว์ป่านอกธรรมชาติเหล่านี้
แหล่งที่อยู่อาศัยนอกธรรมชาติของสัตว์ป่า
อันที่จริงแล้วเส้นขอบเขตของคำว่าในธรรมชาติหรือนอกธรรมชาตินั้นมิได้แบ่งกันอย่างชัดเจนหรือแยกกันอย่างห่างไกลนัก
ธรรมชาติที่ว่าอาจไม่จำเป็นต้องเป็นป่าลึกอย่างที่เข้าใจ
ที่รกร้างมีน้ำท่วมขังกลางเมืองก็สามารถเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์ป่าได้เช่นกัน
1. บ้านพักของพรานล่าสัตว์
มักเป็นแหล่งอาศัยนอกธรรมชาติแห่งแรกของสัตว์ป่าที่หลุดออกมาจากธรรมชาติ
2. ที่พักของนักค้าสัตว์ป่า
เป็นแหล่งสำคัญในการแพร่สัตว์ป่าไปตามแหล่งอื่น
ๆ นอกธรรมชาติ
3. แหล่งที่อาศัยของประชาชนทั่วไปในส่วนนี้อาจแบ่งย่อยได้เป็น
2 กลุ่ม คือ
3.1
กลุ่มผู้ตั้งใจเลี้ยงสัตว์ป่าเป็นกลุ่มผู้มีใจรักที่จะเลี้ยงสัตว์ป่า
มักเป็ผู้มีฐานะพอ
มีการศึกษาหาความรู้ในการเลี้ยงสัตว์ชนิดนั้น
ๆ พอสมควร
3.2 กลุ่มผู้มิได้ตั้งใจเลี้ยงจริงจัง
หรือได้สัตว์ป่ามาเลี้ยงโดยบังเอิญกลุ่มนี้มักเป็นผู้นำสัตว์ป่ามาเลี้ยงตามแฟชั่นตามค่านิยมเป็นพัก
ๆ
ปัญหาสัตว์ป่าในชุมชนเมืองจึงมักจะมาจากกลุ่มนี้มากที่สุด
ซึ่งจะได้กล่าวต่อไปในประเด็นนี้
4. หน่วยงานต่าง ๆ
ทั้งของรัฐและเอกชน ได้แก่
สวนสัตว์ต่าง ๆ
สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า
องค์กร
มูลนิธีเอกชนที่ทำงานด้านอนุรักษ์สัตว์ป่า
ปัญหาสัตว์ป่าในชุมชนเมือง
ปัญหาการนำสัตว์ป่าในธรรมชาติออกมานอกธรรมชาตินอกจากผลกระทบโดยตรงต่อเผ่าพันธุ์ของสัตว์ป่า
และสภาพแวดล้อมแล้ว
สิ่งที่ชุมชนเมืองได้รับผลกระทบด้วยก็มากมายพอสรุปได้ดังนี้
1. กลิ่นและเสียงของสัตว์ป่าที่รบกวนเพื่อนบ้าน
2. สภาพน่าทุกขเวทนาของสัตว์ป่าที่ถูกเลี้ยงดูอย่างไม่เหมาะสม
เช่นสัตว์ในกรมแคบ
หรือพวกลิง ชะนี
ที่ถูกล่ามโซ่ คอ เอว
ผูกกับหลักยึด หลาย ๆ
ตัวถูกล่ามเป็นเวลานานจนโซ่ล่ามกินลึกเข้าไปในเนื้อเป็นแผลเน่าเนื่องจากไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
แม้แต่เจ้าของ
บางชนิดอาจตายตั้งแต่วันแรก
ๆ เพราะผู้เลี้ยงไม่เป็น
อาหารไม่เหมาะสม
3. อันตรายจากสัตว์ป่าหลุดจากที่เลี้ยงทำร้ายประชาชนและทรัพย์สิน
เป็นเหตุที่เกิดขึ้นเป็นประจำ
4. สภาพสัตว์ป่านอกธรรมชาติเกินความต้องการ
ล้นกรงในสวนสัตว์หรือหน่วยงานต่าง
ๆ
ปัญหานี้เป็นจุดรวมปลายของปัญหาทั้งหมดในการนำสัตว์ป่าออกมานอกธรรมชาติ
ประชาชนโดยทั่วไป
มักคิดว่าสวนสัตว์หรือหน่วยงานต่าง
ๆ ที่ทำงานด้านนี้
จะมีศักยภาพเหมาะสมดีพอที่จะรองรับสัตว์ป่าที่ไม่ต้องการหรือไม่สามารถเลี้ยงต่อไปได้
เคยมีประชาชนนำสัตว์ป่า
โดยเฉพาะสัตว์ประเภทลิง
ชะนี มามอบให้สวนสัตว์
หลายคนถึงกับบอกว่าจะนำมาให้อีก
ถ้าหาซื้อลูกลิงมาเลี้ยงจนโตแล้วมันดุร้ายจนเลี้ยงไม่ได้อีก
แสดงว่าคนเหล่านี้ไม่ได้มีความตระหนักถึงความเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นต่อชีวิตสัตว์นั้น
ๆ เลย
การจะได้ลูกลิงมาเลี้ยง 1 ตัว
จะต้องสังเวยชีวิตแม่ลิงหรือลิงอื่น
ๆ กี่ตัว
ส่วนตัวเองตักตวงความสุขจากการได้เลี้ยงลูกลิง
ที่มีพฤติกรรมชวนสงสารเพราะต้องกอดผู้เลี้ยงเหมือนเกาะอกแม่ของมัน
เมื่อมันโตจนถึงวัยเจริญพันธุ์ความดุร้ายโดยธรรมชาติก็มากขึ้นก็ผลักภาระมาให้หน่วยงานต่าง
ๆ
ดูแลต่อในสภาพเลี้ยงที่จำกัดทั้งกรงอยู่อาศัยและงบประมาณ
สัตว์หลาย ๆ
ตัวต้องถูกขังลืมจนวันสุดท้ายของชีวิต
ยังพอมีทางออกบ้างสำหรับปัญหา
ปัญหาของสัตว์ป่าในชุมชนเมืองมาสุดอยู่ที่การจัดการกับสัตว์ป่าเกินต้องการที่มากขึ้น
ซึ่งมีแนวทางแก้ไขหรือลดปัญหาพอสรุปได้ดังนี้
1. เพิ่มหรือรักษาถิ่นที่อยู่อาศัยโดยธรรมชาติของสัตว์ป่า
หรือรักษาป่านั่นเอง
2. ลดการนำสัตว์ป่าออกนอกธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นมาตรการทางกฎหมายการกวดขั้นป้องกันปราบปราม
พึงระลึกถึงคำว่า ช่วยซื้อ
คือ ช่วยล่า ไว้เสมอ
ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์ตัดสินใจว่าจะซื้อสัตว์ป่าหรือไม่
3. ความร่วมมือร่วมใจทั้งภาครัฐและเอกชน
ในการจัดการต่อสัตว์ป่าเกินความต้องการ
|
กิจกรรมการเสริมโป่ง |
ผศ.
นายสัตวแพทย์ปานเทพ
รัตนากร วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2542 |
โป่งในที่นี้หมายถึงอะไร
โดยทั่วไปแล้วโป่งในธรรมชาติ
ก็เป็นแหล่งที่สัตว์ป่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ที่กินพืชจำเป็นจะต้องมาใช้ดินโป่งเหล่านั้นกันเป็นอาหารเพื่อให้ได้แร่ธาติเสริมในสิ่งที่ขาดไป
โป่งในธรรมชาติที่เรารู้จักกันทั่วไป
โป่งดินหรือโป่งแห้งส่วนใหญ่สาเหตุที่ต้องเสริมโป่งก็เพราะว่าโป่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติถูกใช้งานโดยสัตว์ป่าหลาย
ๆ ชนิดตั้งแต่ช้าง กระทิง
วัวแดง เก้ง กวาง
พวกที่กินพืชทั้งหลายก็จะใช้ตลอดปี
ทีนี้เมื่อใช้ไปนาน ๆ
ก็จะมีอาการเสื่อมสภาพ
อันนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งทำให้เราอาจจะเข้าไปช่วยเสริมให้ดีขึ้นมา
เพื่อสัตว์จะได้มีแหล่งอาหารเหล่านี้เสริมต่อไป
โป่งมี 2
อย่างคือ โป่งเปียก โป่งแห้ง
ลักษณะเป็นอย่างไร?
ลักษณะที่เป็นโป่งดินหรือโป่งแห้งจะเป็นเนินเตี้ย
ๆ
บางครั้งเหมือนพื้นดินทั่ว
ๆ ไปเลย
แต่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นเลย
อาจจะเป็นหย่อมอยู่ในบริเวณที่มีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบอยู่
แล้วก็จะสังเกตุเห็นได้จากการที่มีร่อยรอยการใช้ของสัตว์ก็จะมีรอยขุดรอยตีนย่ำทั่วไปหมด
ถ้าเป็นโป่งใหญ่หน่อยที่ช้างเข้าก็จะเห็น
รอยงา รอยตะกุย
รอยเหยียบเพื่อเอาดินโป่งเหล่านั้นขึ้นมากินอีกชนิดคือ
โป่งน้ำหรือโป่งเปียก
ก็จะเป็นลักษณะเป็นที่แฉะเป็นที่ลุ่มหน่อย
อาจจะมีน้ำซับออกมาให้เห็นบ้าง
และที่เห็นชัดอีกอันหนึ่งคือเรื่องของร่องรอยสัตว์ที่เข้าไปใช้ก็จะมีรอยเหยียบย่ำทั่วไปหมด
อันนี้ก็คือจุดเด่นที่พอจะแยกแยะได้
ในโป่งจะมีธาตุ
รสชาดเป็นอย่างไร?
รสชาดเป็นส่วนประกอบหลักของดินโป่งก็จะมีพวกกลิ่น
หรือโซเดียมคลอไรด์
แล้วก็แร่ธาติอื่นที่เป็นแร่ธาตุหายาก
แต่ว่ามีความจำเป็นเช่นไม่ว่าจะเป็นโปแตสเซียม
หรือว่า คอปเปอร์ แมงกานีส
และก็จะมีรสปะแล่ม ๆ
เหมือนกินเกลือ
แร่ธาติพวกนี้เป็นแร่ธาติที่สัตว์ต้องการด้วย?
ใช่
คือสัตว์ที่มากินส่วนใหญ่อย่างที่บอกไปคือสัตว์กินพืช
สัตว์กินพืชจะต้องได้รับแร่ธาตุจากดิน
นอกเหนือไปจากพืชทั้งหลายเป็นตัวเสริม
เพราะในพืชในผักในหญ้าทั้งหลายจะมีไม่เพียงพอ
ต่างกับสัตว์กินเนื้อซึ่งจะได้รับจากซากสัตว์ที่กินด้วยกันจากกระดูกหรือว่าเครื่องในต่าง
ๆ
เพราะฉะนั้นเป็นเหตุให้สัตว์กินพืชจำเป็นต้องได้รับดินโป่งเหล่านี้เป็นตัวเสริม
สัตว์จำพวกไหนบ้างที่มากินดินโป่ง?
ที่ใหญ่สุดคือ
ช้างลงไปก็เป็นกระทิง
วัวแดง เก้ง กวาง
ที่กินหญ้าเป็นอาหารพวกนี้ต้องมาใช้ปกติแล้วมูลนิธิช้างจะไปทำปีละ
2 ครั้ง
กิจกรรมเสริมโป่ง
ทำที่ไหนบ้างบริเวณเข้าใหญ่?
ก็กระจายไปตามอุทยานแห่งชาติบ้าง
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
โดยที่ว่าจะมีการร่วมมือกับกรมป่าไม้
กรมป่าไม้จะเป็นคนเลือกจุดเลือกสถานที่ให้
จะต้องสำรวจก่อนว่าดป่งไหนมีความเสื่อมโทรมแล้วสมควรจะได้รับการปรับปรุงหรือว่าเสริมก็จะปรึกษาหารือกัน
แล้วก็ไปเสริมโป่ง
ซึ่งการนี้ทำปีละ 2 ครั้ง
วัตถุประสงค์หลักจริง ๆ
แล้วเป็นการสร้างจิตสำนึก
ให้กับเยาวชนแล้วก็สาธารณะทั่วไป
ให้เห็นความจำเป็นที่เราจะได้ช่วยสัตว์ป่าเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช้างแต่จะช่วยสัตว์ชนิดอื่นได้ด้วย
วิธีทำโป่งทำอย่างไร?
คืออันแรกก็ต้องดูก่อนว่าโป่งไหนเสื่อมลง
สัตว์มีอัตราการใช้โป่งนั้นน้อยลง
เริ่มจะร้างก็จะเลือกโป่งนั้น
อันที่สอง
เตรียมพื้นที่เพื่อที่จะไปขุดพลิกหน้าดินขึ้นมาแล้วก็ใช้เกลือที่เราผสมแร่ธาตุทั้งหลายก็จะเอาใส่ลงไปในหน้าดินเหล่านั้นแล้วก็ฝังกลบลงไป
เสร็จแล้วก็จะรดน้ำเพื่อที่ให้แร่ธาติเหล่านั้นซึมซาบลงไปไม่ฟุ้งกระจายไปไหนแล้วจะได้แน่นเป็นเนื้อเดียวกัน
อันนี้ก็เป็นวิธีการที่ง่าย
ๆ
พอหลังจากเสร็จแล้วก็จะฝากให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เฝ้าติดตามดูผล
ใช้เวลาทำนานหรือไม่?
ใช้เวลาประมาณ 1
ชั่วโมงกว่า ๆ ต่อ 1
แห่ง
ในอนาคตมีจะไปทำที่ไหนเพิ่มอีกหรือไม่?
คงจะมีในอุทยานหรือว่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์อื่น
อย่างเช่นที่ทำมาก็เช่นที่แก่งกระจาน
แล้วก็ตามบริเวณป่าต่าง ๆ
ของกาญจนบุรีก็เคยไปทำในอนาคตก็มีที่อื่นอีก
ปีหนึ่ง 2
ครั้งน้อยไปหรือไม่?
จริง
ๆ
อย่างที่เรียนให้ทราบว่าเป็นเหมือนการกระตุ้นจิตสำนึก
แต่ว่าถ้าส่วนหนึ่งจะมีการมอบให้ป่าไม้
เพื่อเสริมอยู่ตลอดเวลา
นอกจากกิจกรรมเสริมโป่งแล้วทางมูลนิธิมีกิจกรรมอื่นอีกหรือไม่?
ขณะนี้มีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องโปรแกรมสุขภาพช้าง
ซึ่งเราจะจัดเป็นการประชุมนานาชาติ
เพื่อที่จะให้เป็นมาตรฐานของการดูแลช้างในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์จะจัดที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เดือนมีนาคม
นอกจากนี้ก็ยังมีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ในการดูแลสุขภาพช้าง
|
วัณโรคในสัตว์ป่า |
นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ มหรรณพ วันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2542 |
เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ
Mycobacterium tuberculosis, M.bovis, M.africanum เป็นสัตว์ที่ ก่อโรคในสัตว์
เช่น โค กระบือ กวาง สมเสร็จ
เป็ด ไก่
และแพร่โรคมายังคนได้ ติดต่อแพร่ระบาดโดยระบบทางเดินหายใจมากที่สุด
โดยการหายใจเอาละอองเชื้อผ่านเข้า ทางจมูก
ส่วนทางอื่น ๆ
ก็สามารถติดต่อผ่านทางผิวหนังจากบาดแผลที่เกิดจากเชื้อวัณโรค
ทางอาหารก็เกิดได้เช่นเดียวกัน
แต่โอกาสจะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับทางระบบทางเดินหายใจ
ชนิดสัตว์และตำแหน่งอวัยวะที่เกิดโรค
ลิง, ค่าง, ชะนี
เป็นสัตว์ที่ไวต่อการติดเชื้อวัณโรคมาก
อาการที่เกิดขึ้นจะเกิดที่เนื้อเยื่อของปอด
และต่อมน้ำเหลืองของหัวและช่องอก
ในวัว
มักเกิดที่ปอด
และต่อมน้ำเหลือง
ทางเดินอาหาร
ในสุนัข พบได้ในปอด
ตับ ไต
ในม้า
พบได้ในตับและต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง
อาการ
ขึ้นอยู่กับการแพร่ระบาดของเชื้อไปยังอวัยวะต่าง
ๆ
ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับความรุนแรงของเชื้อทางที่เชื้อเข้าสู่ร่างกายเป็นต้น
ในสัตว์จำพวกลิงเชื้อจะเข้าไปยังปอดก่อนสัตว์ก็จะมีอาการไอ
หายใจลำบาก ตับ
และม้ามอาจโตผิดปกติ
ต่อมน้ำเหลืองขยายใหญ่และอาจแตกออกมาทางผิวหนัง
มีหนองไหลออกมา
ร่างกายผอมลงเรื่อย ๆ
เบื่ออาหาร ขนหยาบ
ขนร่วงเป็นหย่อม ๆ
ถ้าเชื้อเข้าไปมากอาจทำให้เกิดอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตก่อนที่จะแสดงอาการออกมา
อาการในสัตว์ป่าชนิดอื่น
ๆ
และในสัตว์กีบคู่จะมีอาการต่อมน้ำเหลืองบวมโต
เช่น
ต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วปอด
ต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วลำไส้
ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ
และมีลักษณะเม็ดตุ่มแข็งบริเวณปอด
ตับ ม้าม และเยื่อบุช่องอก
และช่องท้อง สัตว์จะผอมลง
หายใจลำบาก
ขนยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ
การป้องกัน
1. ควรตรวจดูแลสัตว์ในความรับผิดชอบให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และแข็งแรง
หลีกเลี่ยงการนำสัตว์ไปคลุกคลีกับสัตว์ป่วย
2. ไม่ควรนำสัตว์ป่ามาเลี้ยงภายในบ้านเรือน
3. ในกรณีต้องมีการนำสัตว์ใหม่เข้ามาเลี้ยงควรมีการกักกันสัตว์
90-120 วัน
4. ในกรณีสงสัยว่าญาติพี่น้องจะติดเชื้อวัณโรคควรรีบไปพบแพทย์ทันที
การติดเชื้อของวัณโรค
ติดต่อไปทางใดบ้าง?
โดยทั่วไป
คน ลิง ชะนี ค่าง วัว กวาง
หรือสัตว์กีบคู่ นก
สัตว์เลื้อยคลาน
มักจะเป็นแหล่งกักเก็บเชื้อโรคนี้
ดังนั้นการแพร่ไปสู่มนุษย์หรือสัตว์อื่นก็โดยการไอ
การจาม
ทำให้เชื้อที่อยู่ภายในทางเดินหายใจ
กระจายออกสู่ภายนอก
เป็นละอองน้ำลาย ละอองเสมหะ
เมื่อละอองดังกล่าวตกลงสู่พื้นหรือแห้งลงก็จะเกิดเป็นละอองของเชื้อขนาดเล็ก
และมีโอกาสฟุ้งกระจายจากพื้นได้อีกครั้ง
ถ้ามีลมหรือมีการกวาดฝุ่นที่พื้นการติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจเป็นทางที่ติดต่อที่สำคัญที่สุด
การแพร่กระจายของเชื้อในร่างกายของสัตว์เป็นเช่นไร?
เมื่อเชื้อเข้าสู่ระบบหายใจ
เชื้อก็จะเข้าไปขยายตัวที่ปอดและร่างกายก็พยายามต่อต้าน
เช่น
มีเม็ดเลือดขาวมาคอยกัดกิน
ทำลาย
มีการสร้างเนื้อเยื่อมาคลุมตัวเชื้อ
แต่เมื่อร่างกายสู้ไม่ได้อาจจะเนื่องจากร่างกายไม่แข็งแรงพอ
หรือเป็นโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ก็จะทำให้เชื้อแบ่งตัวและแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่ขั้วปอด
ที่คอ ที่กราม
แพร่กระจายไปยังเยื่อหุ้มปอด
และไปยังอวัยวะต่าง ๆ เช่น ไต
กระดูก กระดูกสันหลัง ตับ
ม้าม เยื่อหุ้มสมอง
ทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าสัตว์เป็นวัณโรคหรือไม่?
1. การย้อมสีทนกรด
โดยการเอาเสมหะมาย้อมสีพิเศษทางห้องปฏิบัติการ
2. การเพาะเชื้อเป็นการวินิจฉัยโรคที่แน่นอนแต่กินเวลาอย่างน้อย
1-2 เดือน
3. การพิสูจน์เชื้อโดยทางวิธีทางชีวเคมี
4. การทดสอบความไวของยา
5. การทดสอบทิวเบอร์คิวลิน
โดยการใช้แอนติเจนของโรคนี้ฉีดทดสอบเข้าไปในสัตว์ที่บริเวณหนังตาบน
หรือโคนหาง
6. การเอ็กซ์เรย์ช่องอก
เป็นการเหมาะหรือไม่ที่จะนำสัตว์ป่ามาเลี้ยงในบ้าน
และโอกาสที่สัตว์ป่าจะเป็นวัณโรคมีมากน้อยเพียงใด? สัตว์ป่าไม่ควรนำมาเลี้ยงในบ้านโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าปีพุทธศักราช 2535 แล้ว ยังเป็นการนำโรคติดต่อที่ร้ายแรง เช่น โรคพิษสุนัขบ้า, วัณโรค, พยาธิ ฯลฯ มาสู่บุคคลหรือญาติพี่น้องในครอบครัวรวมทั้งเพื่อนบ้านด้วยวัณโรคเป็นโรคที่อันตรายมาก การติดต่อแพร่กระจายเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว และเป็นโรคเรื้อรังต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาค่อนข้างสูงโอกาสที่สัตว์ป่าจะเป็นวัณโรคได้มีค่อนข้างสูงโดยเฉพาะสัตว์ประเภทลิง ชะนี ค่าง เพราะการควบคุมหรือการดูแลเรื่องความสะอาด สุขอนามัยการป้องกันโรคทำได้ลำบากกว่าในมนุษย์
|